แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก เกิดจากอุบัติเหตุที่ผิวหนังโดนความร้อน พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน ดังนั้นจึงควรมีการป้องกันตนเองให้เหมาะสม และหากเกิดขึ้นก็สามารถปฐมพยาบาลแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกที่เกิดกับตัวเองและคนรอบข้างเบื้องต้นได้อย่างถูกวิธี
แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก บนผิวหนัง
บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก คือการบาดเจ็บบริเวณผิวหนัง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความร้อน ทั้งความร้อนแห้งคือเปลวไฟ วัสดุร้อน เช่น เตารีด เป็นต้น หรือความร้อนเปียก เช่น น้ำร้อน กาแฟร้อน เป็นต้น สาเหตุอื่นที่ทำให้บาดเจ็บบริเวณผิวหนังได้อีก เช่น สารเคมี กระแสไฟฟ้า และกัมมันตรังสี เป็นต้น
การรักษาบาดแผลไฟไหม้ให้ได้ผลดีจำเป็นต้องให้วินิจฉัยดีกรีความลึกของบาดแผลไฟไหม้ได้ดี ด้วยเพราะ ปัจจุบันถ้าเป็นบาดแผลไฟไหม้ดีกรีตื้น นิยมรักษาโดยการทาด้วยครีมยาที่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อ (topical antibiotic treatment) หรือปิดผลิตภัณฑ์ปิดแผลต่างๆ ซึ่งมีหลายชนิดในท้องตลาดก็เพียงพอ แต่ถ้าเป็นบาดแผลไฟไหม้ดีกรีลึกการรักษาโดยวิธีผ่าตัดจะได้ผลดีกว่า
บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกเป็นเรื่องน่าสนใจ เพราะเป็นบาดแผลที่พบได้บ่อย บาดแผลมีความเจ็บปวดมาก หากบาดแผลลึกและกว้างการรักษาจะใช้เวลานาน ค่าใช้จ่ายสูง และอาจทำให้สูญเสียภาพลักษณ์ที่ดีจากรอยแผลเป็นตลอดจนเกิดการพิการได้ หากแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกเป็นบริเวณกว้าง จำเป็นต้องพักรักษาในโรงพยาบาล เพราะมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง
ระดับความรุนแรงของบาดแผล
ความรุนแรงสามารถแบ่งออกได้ตามความลึกของแผลและขนาดของแผล ดังนี้
- การแบ่งบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกตามความลึก ได้แก่
- First Degree Burn เป็นการบาดเจ็บในชั้นหนังกำพร้า บาดแผลเจ็บไม่มาก และมักจะหายเองภายใน 1 สัปดาห์ โดยไม่มีแผลเป็น บาดแผลพวกนี้ เช่น บาดแผลจากการถูกแสงแดดเป็นเวลานาน (Sun Burn)
- Superficial Second Degree Burn เป็นการบาดเจ็บในชั้นหนังแท้ส่วนที่อยู่ตื้นๆ บาดแผลพวกนี้จะเจ็บมาก บางครั้งพองเป็นตุ่มน้ำใสๆ ถ้ารักษาอย่างถูกต้องมักจะหายได้เองภายใน 2 – 3 สัปดาห์มักไม่มีแผลเป็นหลงเหลือ
- Deep Second Degree Burn เป็นการบาดเจ็บในชั้นหนังแท้ส่วนลึก บาดแผลพวกนี้จะเจ็บมากเช่นกัน ดูแยกยากจากบาดแผลประเภทที่ 2 การรักษาใช้เวลานานมากขึ้น บางครั้งมีแผลเป็นเกิดขึ้นได้
- Third Degree Burn เป็นบาดแผลเจ็บที่ทำลายผิวหนังทุกชั้นจนหมด บาดแผลพวกนี้จะไม่เจ็บมาก เพราะเส้นประสาทรับความเจ็บปวดจะถูกทำลายไปด้วย บาดแผลจะมีสีค่อนข้างซีด บางครั้งจะมีเนื้อตายแข้งๆ คลุมแผลอยู่ การรักษาจะยุ่งยากมากขึ้น จำเป็นต้องเลาะเนื้อตายออก และจะต้องทำการผ่าตัดเอาผิวหนังมาปลูกถ่าย (Skin Grafting) ยกเว้นบาดแผลขนาดเล็กมาก อาจทำแผลจนหายเองได้ แต่มักจะมีแผลเป็นตามมา
- การแบ่งบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกตามขนาดของแผล ได้แก่
การแบ่งบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกตามขนาดของแผลนิยมบอกขนาดของแผลใหญ่ป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ผิวของร่างกาย (Body Surface Area) โดยขนาด 1 ฝ่ามือของผู้ป่วยรวมนิ้วมือทั้ง 5 นิ้ว จะมีขนาดประมาณ 1% ของพื้นที่ผิวร่างกาย หรือแบ่งตาม Rules of Nines (สำหรับผู้ป่วยผู้ใหญ่) เช่น แขนแต่ละข้างจะมีพื้นที่ผิวประมาณ 9% ของพื้นที่ผิวร่างกาย ขาแต่ละข้างจะมีพื้นที่ผิวประมาณ 18% ของพื้นที่ผิวร่างกาย เป็นต้น
บาดแผลขนาดใหญ่หรือบาดแผลลึกจะต้องรับการรักษาที่ซับซ้อนมากกว่าบาดแผลขนาดเล็กหรือบาดแผลตื้น
ผู้ป่วยบาดแผลไฟไหม้รุนแรงอาจต้องรับการรักษาในหอผู้ป่วยเฉพาะทางและอาจต้องใช้เวลารักษาเป็นเดือน
ขั้นตอนการรักษาบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก
เมื่อได้รับบาดเจ็บเกิดเป็น ในเบื้องต้นควรล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า หรือหากบาดแผลสกปรกมาก อาจใช้สบู่อ่อนชะล้างสิ่งสกปรกออกไปก่อน จากนั้นล้างด้วยน้ำเปล่ามากๆ หากทำได้ให้ใช้น้ำอุณหภูมิห้องไหลผ่านแผลหรือแช่แผลในน้ำอุณหภูมิห้องอย่างน้อย 5 นาที แต่ไม่ควรเกิน 20 นาที ห้ามใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นจัด เพราะอาจทำให้บาดแผลลึกมากขึ้นได้ จากนั้นใช้ผ้าสะอาดปิดแผลและไปพบแพทย์ ไม่ควรใช้ยาสีฟันหรือครีมอื่นใดชะโลมบนแผล เพราะอาจทำให้แผลมีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น
แพทย์จะทำความสะอาดแผลอีกครั้งจนแผลสะอาดแล้วประเมินทั้งความลึกและความกว้างของแผล หากมีเนื้อตายก็จะตัดเนื้อตายออก แล้วทำการปิดแผล อาจใช้ครีม (Cream) หรือขี้ผึ้ง (Ointment) ทาแผล หรือใช้วัสดุปิดแผลที่ทันสมัยอื่นๆ ปิดแผล ถ้าเป็นแผลใหญ่หรือแผลบริเวณอวัยวะสำคัญ เช่น ใบหน้า มือ และฝีเย็บ ผู้ป่วยอาจต้องพักรักษาภายในโรงพยาบาล
แผลจะถูกล้างทำความสะอาด ประเมินความลึกและขนาดของแผลตลอดจนตัดเนื้อตายออกเป็นระยะ อาจจะทุกวันหรือทุก 1 – 4 วัน แล้วแต่สภาพของแผล ขณะเดียวกันผู้บาดเจ็บอาจได้รับยาปฏิชีวนะและยาแก้ปวดตามความจำเป็นด้วย แผลที่ไม่ลึกจะหายได้เองภายใน 1 – 3 สัปดาห์ ส่วนแผลลึกมักจะต้องตัดเอาหนังมาปิด (Skin Grafting) ผิวหนังที่นำมาปิดบนแผลนั้นจะต้องเป็นผิวหนังของผู้บาดเจ็บเองจะนำผิวหนังผู้อื่นมาปิดไม่ได้ แต่แพทย์จะตัดผิวหนังของผู้บาดเจ็บเพียงบางๆ มาปิดบนแผล ทำให้แผลหายได้ ส่วนบริเวณที่ตัดผิวหนังออกมา (Donor Site) ก็จะหายเองภายในเวลาประมาณ 2 – 3 สัปดาห์
การดูแลตนเองจากแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก
- ล้างด้วยน้ำสะอาดที่อุณหภูมิปกติ ซึ่งเชื่อว่าจะมีผลช่วยลดการหลั่งสารที่ทำให้เกิดอาการปวดบริเวณบาดแผลได้
- หลังจากนั้นซับด้วยผ้าแห้งสะอาด แล้วสังเกตว่าถ้าผิวหนังมีรอยถลอก มีตุ่มพองใสหรือมีสีของผิวหนังเปลี่ยนไป ควรรีบไปพบแพทย์
- หากมีแผลบริเวณใบหน้า จะต้องได้รับการรักษาจากแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะบริเวณใบหน้ามักจะเกิดอาการระคายเคืองจากยาที่ใช้ ห้ามใส่ยาใดๆ ก่อนถึงมือแพทย์
- ไม่ควรใส่ตัวยา/สารใดๆ ทาลงบนบาดแผล ถ้าไม่แน่ใจในสรรพคุณที่ถูกต้องของยาชนิดนั้น โดยเฉพาะ”ยาสีฟัน” “น้ำปลา” เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อบาดแผล เพิ่มโอกาสการเกิดบาดแผลติดเชื้อ และทำให้รักษาได้ยากขึ้น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่นผง หรืออะไรก็ตามที่จะทำให้ระคายเคือง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ทุกชนิด เพราะหากโดนบริเวณแผลก็อาจทำให้คันหรือมีการติดเชื้อได้ง่าย
- รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ เพื่อเสริมการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ทำให้บาดแผลสมานปิดเร็วขึ้น
- หมั่นทายา/รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญต้องรักษาความสะอาดแผลให้ดีด้วย
- ถ้ามีตุ่มพองเล็กๆ เพียง 2-3 อัน เกิดที่ฝ่ามือ ไม่ควรใช้เข็มเจาะ ให้ทาด้วยยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดนไอโอดีนหรือทิงเจอร์ใส่แผลสด (Merthiolate) แล้วปิดด้วยผ้ากอซ ตุ่มจะค่อยๆ แห้งและหลุดล่อนไปเองใน 3-7 วัน
- ถ้ามีตุ่มพองที่แขนขา หลังมือ หลังเท้า หลังจากทำความสะอาดด้วยน้ำกับสบู่แล้ว ให้ใช้มีดหรือกรรไกรที่ทำให้ปราศจากเชื้อ (เช่น แช่ในแอลกอฮอล์แล้ว) เจาะเป็นรู แล้วใช้ผ้ากอซที่ปราศจากเชื้อกดซับน้ำเหลืองให้แห้ง ใช้โพวิโดนไอโอดีนหรือทิงเจอร์ใส่แผลสดทา แล้วพันด้วยผ้ายืดให้ผิวที่พองกดแนบสนิท ภายใน 2-3 วัน หนังที่พองจะหลุดล่อน
- ถ้ามีตุ่มพองเป็นบริเวณกว้าง ให้ใช้กรรไกรที่ทำให้ปราศจากเชื้อขริบเอาหนังที่พองออก แล้วล้างด้วยน้ำเกลือ ซับให้แห้ง แล้วทาด้วย ครีมซัลฟาไมลอน (Sulfamylon), ขี้ผึ้งแบกตาซิน (Bactacin), น้ำยาโพวิโดนไอโอดีน, ครีมซิลเวอร์ซัลฟาไดอาซีน (Silver sulfadiazine) หรือ พ่นด้วยสเปรย์พรีเดกซ์ (Predex spray) ถ้าเป็นบริเวณแขนหรือขา ให้ใช้ผ้าพัน ถ้าเป็นที่หน้าหรือลำตัว ให้เปิดแผลไว้ ควรล้างแผลและใส่ยา วันละ 1-2 ครั้ง เมื่อดีขึ้นค่อยทำห่างขึ้น
- ควรทานยาแก้ปวดและฉีดยาป้องกันบาดทะยัก
- ถ้าบาดแผลไม่ดีขึ้น ใน 1-2 สัปดาห์ หรือมีอาการติดเชื้อ หรืออาการทั่วไปไม่ดี (เช่น มีไข้สูง เบื่ออาหาร) ควรส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล ถ้าบาดแผลลึก อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดปลูกถ่ายผิวหนัง (skin graft)
ข้อแนะนำบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก
- การปฐมพยาบาลบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ที่แนะนำในปัจจุบันคือ รีบใช้น้ำเย็นหรือน้ำแข็ง ประคบทันทีหลังเกิดเหตุ อย่าใช้ยาสีฟัน น้ำปลา หรือยาหม่องทา
- บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกที่เกิดในเด็กเล็ก และ ผู้สูงอายุ ถึงแม้จะมีขนาดไม่กว้างมาก แต่ก็อาจมีอันตรายมากกว่าที่พบในคนหนุ่มสาว ดังนั้นจึงควรแนะนำไปรักษาที่โรงพยาบาลทุกราย
- บาดแผลที่ข้อพับ อาจทำให้เกิดแผลเป็น ดึงรั้งข้อต่อให้คดงอ (เหยียดไม่ได้) สามารถป้องกัน ได้โดยใช้เฝือกดามข้อในบริเวณนั้นตั้งแต่แรก
- ภาวะแทรกซ้อนของโรคนี้ ในระยะ 2-3 วันแรก คือ ภาวะขาดน้ำและช็อก ถ้ามีบาดแผลกว้าง แพทย์จะให้น้ำเกลือชนิดริงเกอร์แล็กเทต (Ringer’s lactate) ในวันแรกอาจให้ขนาด 4 มล. ต่อ น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อเนื้อที่บาดแผล 1 เปอร์เซ็นต์ โดยให้ครึ่งหนึ่งใน 8 ชั่วโมงแรก อีกครึ่งหนึ่ง ที่เหลือให้หมดใน 16 ชัวโมงต่อมา วันต่อมาอาจต้องให้น้ำเกลือ และพลาสมา ส่วนการติดเชื้ออาจเกิดขึ้นหลังจากมีบาดแผล 2-3 วันไปแล้ว (หรือหลัง 1 สัปดาห์) ถ้าบาดแผลมีขนาดกว้างก็มีโอกาสติดเชื้อรุนแรง โดยทั่วไป ถือว่าบาดแผลดีกรีที่ 2 ที่มีขนาดมากกว่า 30% และบาดแผลดีกรีที่ 3 ที่มีขนาดมากกว่า 10% ถือเป็นบาดแผลรุนแรง รักษายากและมักจะมีอัตราตายสูง
- ผู้ที่มีบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ควรกินอาหารโปรตีน (เช่น เนื้อ นม ไข่) ให้มากๆ เพราะร่างกายมีการสูญเสียโปรตีนออกไปทางบาดแผล
- ถ้ามีบาดแผลถูกกรดหรือด่าง ควรให้การปฐมพยาบาล โดยรีบชะล้างแผลด้วยน้ำก๊อก นานอย่างน้อย 5 นาที แล้วส่งโรงพยาบาล แพทย์อาจให้การรักษาแบบเดียวกับบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก
ปัจจุบันการดูแลรักษาบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก (Burn) มีความก้าวหน้าไปมาก มีวัสดุปิดแผลใหม่ๆ ที่มีคุณภาพดีหลายชนิด การเลือกใช้วัสดุปิดแผลอย่างถูกต้องและการดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ ทำให้ผู้ป่วยลดความทุกข์ทรมานจากแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก บาดแผลหายเร็วขึ้นและแผลเป็นก็ลดลง ดังนั้นหากมีบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกควรได้รับการรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์โดยเร็ว
เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- เครียดลงกระเพาะ โรคที่สามารถป้องกันการเกิดขึ้นได้
- อาการวูบหมดสติ ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ควรหมั่นตรวจสุขภาพ
- โลหิตจาง มีอาการอย่างไร
- โรคอัลไซเมอร์ สาเหตุ อาการ การป้องกันและการดูแล
ที่มาของบทความ
- https://www.bangkokhospital.com
- https://www.chularat3.com
- https://www.istockphoto.com/399262392
- https://www.istockphoto.com/53132396
ติดตามเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่ gayayers.com
สนับสนุนโดย ufabet369